กฎเหล็กของการเขียน Content ถ้าอยากให้พี่อากู๋ชอบจนติด SERP หน้าที่ 1

หัวข้อเรื่อง

ในปัจจุบันนี้เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่มีธุรกิจใดที่ประสบความสำเร็จโดยที่ไม่ใช้อินเตอร์เน็ตเลย ถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วยังกล้าบอกได้ว่าธุรกิจตัวเองประสบความสำเร็จได้โดยไม่มีอินเตอร์เน็ต ใช่ครับนั้นเป็นเรื่องจริงที่เราไม่สามารถเถียงคุณได้ แต่ถ้าใช้กับยุคนี้ก็คงเป็นได้ยากมาก ในเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไปทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะธุรกิจก็ต้องมีการ Disrupt อยู่ตลอดเวลา ยิ่งในยุคนี้เวลาที่ผู้ใช้งานต้องการอะไรมักจะใช้วิธีการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตในเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลชื่อดังอย่าง Google เมื่อค้นหาจะพบกับหน้าแสดงผลลัพธ์ ซึ่งคำศัพท์ที่ในวงการ SEO เรียกหน้าแสดงผลลัพธ์นี้ว่า ” SERP (Search Engine Result Page) ” หากใครที่ไม่รู้จัก SEO คืออะไรสามารถอ่านบทความนี้ได้เพียงคลิกที่นี่ โดยหน้าดังกล่าว Google ได้มีการเรียงลำดับหน้าเว็บไซต์ที่มีบทความที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูล เพื่อเป็นประโยชน์และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด

จากย่อหน้าดังกล่าวทำให้เรามองเห็นว่าหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่เป็นช่องทางให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตรู้จักกับธุรกิจของเราได้นั้นคือ “เว็บไซต์” แต่ในเว็บไซต์แต่ละหน้านั้นต้องมีเนื้อหา Content เพื่อเป็นตัวดึงดูดให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถเข้ามาอ่านบทความของเราได้ ซึ่งผู้ประกอบกิจการหรือธุรกิจใดที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้แนวทางการเขียน Content ว่าจะเขียนยังไงให้หน้าเว็บไซต์ของเรานั้นติด List แสดงหน้าผลลัพธ์บนหน้า SEO ในบทความจะมาบอก 5 กฎเหล็กสำหรับการเขียน Content ถ้าอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจของคุณต้องอ่านบทความนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นคุณจะพลาดโอกาสทอง

กฎเหล็กข้อที่ 1 : Content is King

หากคุณได้อ่านบทความของเราเรื่อง SEO อาจจะเห็นชื่อหัวข้อนี้ เรายกมาใส่ไว้ในบทความนี้อีกครั้งเพี่อเป็นการเน้นย้ำว่า Google ได้ในความสำคัญในเรื่องของข้อมูลในการค้นหาและการคาดเดาผู้ใช้งานด้วยว่าผู้ใช้งานต้องการอะไร ถ้าเปรียบเทียบกับ Google ในยุคก่อนย้อนไปเมื่อ 11-12 ปีก่อน Google เน้นในการค้นหาข้อมูล บทความ ข่าวสาร รวมไปถึงเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ แต่ความชาญฉลาดของ Google ก็ไม่ได้มีการพัฒนาเหมือนในปัจจุบันที่สามารถคาดเดาผู้ใช้งานได้ว่าเขาต้องการอะไร เพื่อแสดง SERP ที่มีข้อมูลแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ค้นหามากขึ้นนั้นเอง

แต่ถ้าวันนึงคุณเขียนบทความแล้วเกิดถูกใจ Google ขึ้นมาก็จะจัดลำดับพาหน้าเว็บไซต์ที่เราเขียนบทความไปปรากฏบนหน้า SERP จนให้มียอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffics) และเพิ่มโอกาสที่รู้จักธุรกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย ยิ่งมียอดเข้าชมเว็บไซต์เรามากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนรู้จักธุรกิจของเรามากขึ้น เผลอ ๆ ดีไม่ดีมีลูกค้าจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ถ้าเพิ่งเริ่มต้นลงมือนั้นควรโฟกัสในเรื่องยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราก่อน ถึงแม้ว่าเราทำ SEO ให้มียอดผู้เข้าชมหน้าเว็บไซต์และรู้จักธุรกิจของคุณแล้ว แต่ไม่มี Contents คอยอัพเดตใหม่ ๆ อยู่สม่ำเสมอ มันก็เหมือนบ้านที่ปลูกสร้างเอาไว้แต่ไม่มีใครมาดูแล มันก็ร้างตามกาลเวลา เว็บไซต์ของเราก็ถูกจัดอันดับลดลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่แตกต่างอะไรจากที่เราไม่ได้ทำมันตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นควรรักษาอันดับไว้โดยการขยันเพิ่มบทความ Content ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ

กฎเหล็กข้อที่ 2 : จงเป็นตัวของตัวเอง

ต่อจากข้อที่แล้ว ในการเขียน Content บทความควรเขียนจากความเข้าใจตามที่เราศึกษาตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และเรียบเรียงด้วยภาษาเป็นของตัวเองให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด สำหรับใครที่ไม่เคยเขียนบทความมาก่อนเลยซึ่งอาจจะมองว่ายากในช่วงเริ่มต้นแรก ๆ ให้ลองนึกถึงตอนที่เราเรียนวิชาภาษาไทยเรื่องการเขียนเรียงความ ในตอนนั้นคุณครูอาจเคี่ยวเข็ญในเรื่องของการใช้ภาษาที่ถูกต้องและเป็นทางการตามหลักภาษา ถ้าตามที่คุณครูเคยสอนไว้ในวัยเรียนคือเราควรเขียนเรียงความทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน (อย่าเพิ่งขำมันใช้ได้จริง ๆ นะ 55555+) ได้แก่ ส่วนของเกริ่นนำ ส่วนของเนื้อหา และส่วนของบทสรุป แต่คุณเป็นมือใหม่ในการเขียนบทความ ต้องอ่านบทความของเราเรื่อง “มือใหม่หัดเขียนบทความอย่างไรให้ดูเป็น Blogger ราวกับมืออาชีพ” โดยสามารถเข้าไปอ่านคลิกที่นี่

ซึ่งการเขียนที่ดีนั้นต้องเริ่มต้นมาจาการอ่านบทความในแหล่งต่าง ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอ่านในอินเตอร์เน็ตอย่างเดียวเท่านั้น อาจมาจากแหล่งสื่อสิ่งพิมพ์ก็ได้ให้ตัวเองเข้าใจก่อนแล้วจึงลงมือเขียนเป็นฉบับของตัวเอง ยกตัวอย่างแหล่งบทความ ข่าวสารชื่อดังในไทยเช่นเว็บไซต์ sanook.com kapook.com mthai.co.th หรือแม้แต่เว็บไซต์กระทู้ชื่อดังอย่าง pantip.com เพราะฉะนั้นการที่คุณเขียนบทความเรื่องอะไรก็ตามแต่ให้คำนึงถึงผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เข้ามาอ่านบทความของเรา ต้องมีเนื้อหาที่เป็นสาระประโยชน์สำหรับการค้นหา อ่านง่ายและเข้าใจง่าย

กฎเหล็กข้อที่ 3 : ลิขสิทธิ์เป็นสิ่งสำคัญ

อันนี้เป็นสิ่งที่นักเขียนบทความหรือผู้ทำ Contents บนเว็บไซต์ต้องพึงระวังไว้ให้ดีในเรื่องของการคัดลอกเนื้อหาจากแหล่งบทความเว็บอื่น ซึ่ง Google ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของ Contents หรือเนื้อหาบทความมาก ๆ (จริงจังด้วย) ถ้าคุณได้ใช้ Google ค้นหาข้อมูลในเมื่อก่อนย้อนกลับไปเมื่อ 11-15 ปีที่เเล้ว คุณอาจมีความรู้สึกว่าทำไมเว็บไซต์นี้มีเนื้อหาบทความที่เหมือนกันกับเว็บนี้เนื้อหาเหมือนกันแบบเดียวกันด้วย ต่างกันที่รูปภาพและหน้าตาเว็บไซต์ (ในปัจจุบันนี้ก็มี แต่ส่วนใหญ่มากจากครูสั่งงานให้นักเรียนทำการบ้านบน Google Site ทำให้เนื้อหาเหมือนกันเป็นธรรมดาเท่าที่ส่วนตัวเจอมานะ) แต่ถ้าในปัจจุบันถ้ามีการคัดลอกเนื้อหาบทความแล้วเอามาใส่ในหน้าเว็บไซต์ตัวเอง Google จะรู้ทันทีว่าบทความนี้คุณไปคัดลอกจากเว็บไซต์ไหนและมีสิทธิ์ที่คุณโดน Google แบน ส่งผลทำให้การทำ SEO เว็บไซต์ของคุณนั้นยากขึ้นและโอกาสที่แสดงผลลัพธ์จากบนหน้า SERP แทบเป็น 0

อีกสิ่งนึงที่ควรพึงระวังไว้นั้นก็คือ “ลิขสิทธิ์” สงสัยใช่มั้ยว่าก็แค่การเขียนบทความลงในหน้าเว็บไซต์ยังต้องมีลิขสิทธิ์ด้วยเหรอ “ถูกต้องครับ” ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างวรรณกรรม หนังสือ บทกวี วิทยานิพนธ์ ภาพยนตร์ วีดิโอ เพลง รูปภาพ หรือรวมไปถึงเทมเพล็ต เหล่านี้มีลิขสิทธิ์เป็นตัวคุ้มกันให้กับศิลปินที่เป็นเจ้าของผลงาน หากต้องการใช้งานต้องมีการขออนุญาตเจ้าของผลงานเสมอ ซึ่งมันมีมานานแล้วยิ่งในยุคปัจจุบันเรื่องลิขสิทธิ์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทาง Google ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากพอ ๆ กับเนื้อหาบทความ แต่ถ้าเกิดว่าคุณอ่านบทความจากแหล่งสื่อสิ่งจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วเขียนบทความลงในเว็บไซต์ของตัวเองโดยการคัดลอกย่อหน้าจากหนังสือเล่มหนึ่งที่คุณอ่าน วันดีคืนดีเจ้าของผลงานหนังสือเล่มนั้นมาอ่านบทความของคุณแล้วจับได้ว่าคุณขโมยผลงานของเขามา อาจถึงขั้นเป็นคดีความได้เลยและยุ่งยากกว่าการที่เว็บไซต์ของคุณโดน Google แบน ส่งผลทำให้การทำ SEO นั้นยากกว่าเดิมอีก เพราะฉะนั้นการเขียน Content ควรใช้ความคิดของตัวเอง เขียนและเรียบเรียงเป็นภาษาของตัวเอง หากมีรูปภาพก็ควรถ่ายจากกล้องถ่ายรูปพร้อมทำลายน้ำ (Watermark) แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ถ้าเกิดว่าวันไหนที่เราตาดีไปเจอเว็บไซต์อื่นที่ใช้รูปภาพของเรา เราอาจจะรวยทางลัดก็ได้นะ (555555555+)

กฎเหล็กข้อที่ 4 : สังเกตสิ่งที่กำลังเป็นกระแส

“สายลมที่พริ้วไหว ไม่เคยพัดผ่านทางเดิม” แน่นอนว่าช่วงเวลาที่ผู้คนสนใจหรือกระแสความนิยมในแต่ละช่วงนั้น มันจะมีเรื่องใหม่เข้ามาและเป็นเรื่องที่ไม่ซ้ำกันด้วย ซึ่งผู้คนเขียน Content บทความต่าง ๆ ต้องคอยสังเกตพฤติกรรมผู้ใช้งานตลอดเวลาว่าช่วงนี้เขาสนใจเรื่องอะไรนิยมเรื่องแบบไหน ซึ่งเราต้องคิด Content สร้างบทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจในช่วงเวลานั้น ยกตัวอย่างกระแสช่วงนี้นับจากวันที่เขียนบทความนี้คือเรื่องไฮโซลูกนัทตาบอด เราก็อาจจะสร้างบทความว่า “ย้อนรอยเหตุการณ์ของไฮโซลูกนัท ก่อนที่โดนตำรวจยิงตาบอด” เป็นต้น ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานั้นมีผู้คนได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มาก แต่เราต้องพบเจอกับเว็บไซต์คู่แข่งกันอีกมากมายที่ทำ Contents คล้าย ๆ กัน แต่พึงตระหนักไว้เสมอว่าบทความของเราต้องดี ละเอียด เข้าใจง่าย และมีคุณภาพ เพราะยิ่ง Content บทความของเราละเอียดมากเท่าไหร่ โอกาสที่ Google จะนำเว็บไซต์ของเราขึ้นไว้อันดับต้น ๆ อย่างแน่นอนถึงแม้ว่าเว็บไซต์อื่นจะทำ SEO ไว้ดีกว่าก็ตาม

กฎเหล็กข้อที่ 5 : ทำให้ดูน่าเชื่อถือมากที่สุด

เมื่อเราผลิตใหม่ลงในหน้าเว็บไซต์ของเรา Google จะตรวจสอบเนื้อหาหน้าเว็บไซต์ว่าแต่ละหน้าเว็บไซต์นั้นมีบทความเกี่ยวกับเรื่องอะไร พอ Google รู้แล้วว่าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร มีบทความเกี่ยวกับเรื่องอะไรโดยส่วนใหญ่ ซึ่งแนะนำว่าควรจะเขียนบทความหรือโฟกัส Content เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อเป็นการบ่งบอกให้ Google รู้ว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้น แต่ถ้าเกิดว่าในหน้าบทความนั้นมีการลิ้งค์เว็บไซต์ภายนอกในแต่ละช่องทางหรือแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนภายนอกสามารถเข้ามายังเว็บไซต์ของเราได้ ซึ่งสิ่งนี้ในวงการ SEO เรียกว่า “Backlink” เพราะถ้าในหน้าบทความบนเว็บไซต์มีการสร้าง Backlink มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการทำให้ Google เชื่อว่าเว็บไซต์ของเรานั้นดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่งทำให้การทำ SEO ของเรานั้นง่ายและแสดงผลลัพธ์บนอันดับต้น ๆ ในหน้า SERP อีกด้วย

บทความเพิ่มเติม